วันอาทิตย์, มิถุนายน 10

๐๑๐ | เหตุเกิดที่เฉลียง

chaliang


เฉลียง
เปิดตัวครั้งแรก พ.ศ.๒๕๒๕ ปิดอัลบั้มสุดท้าย พ.ศ.๒๕๓๓ ปีที่ข้าพเจ้าเกิดพอดี...
แม้จะเกิดไม่ทัน แต่ข้าพเจ้าผู้เป็นวุ้นลอยละล่องในท้องแม่ ก็ยังดิ้นไปพร้อมกับ "ความแนว" ของเฉลียง

ตั้งแต่ ๓-๔ ขวบ ข้าพเจ้าก็จำได้แม่นยำว่าในรถมีเสียงเพลง แบกบาล กุ๊กไก่ ง่ายๆ ใจเย็นน้องชายฯลฯ ของเฉลียงคลอจนหลับไปทุกครั้ง โปรดอย่าถามว่าก่อนหน้านั้นล่ะ คำตอบคือ ข้าพเจ้าจำไม่ได้ และทำไมถึงมีเพียงอัลบั้มแบกบาล ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบ เพราะไม่ได้เป็นคนจ่ายตังค์ซื้อ
แต่ที่แน่ๆ ความแนวของเฉลียงติดตรึงใจของข้าพเจ้ามาตั้งแต่บัดนั้น...

เฉลียง... เป็นผู้คนกลุ่มหนึ่ง ที่นำเอาตัวโน้ตมาร้อยเรียง เรียบเรียงเป็นทำนอง เมื่อใส่คำร้องที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกสนุกสนานเข้าไป ก็กลายเป็นบทเพลงอร่อยเลิศรสชั้นดี แถมด้วยสาระที่ย่อยง่าย แต่ซึมซับลงลึกถึงก้นบึ้งของสมอง... กระแทกใจจริงๆ ค่ะ
กลุ่มคนที่หน้าตาก็งั้นๆ เสียงก็งั้นๆ แต่มีพลังความคิดที่เฉียบขาด การนำเสนอที่สุดยอด บวกด้วยอารมณ์ขัน ความสนุกสนานกึ่มๆ อีก 15 เปอร์เซ็นต์ เมื่อรวมตัวกัน จึงเป็นเฉลียงที่น่านั่ง น่าคุย อยากเข้าไปรู้จักมักจี่จริงๆ

ผ่านมา ก็หลายปี... ตอนนี้บทเพลงแห่งความสุขในรถของพ่อกับแม่ไม่เพียงมีแค่แบกบาลแล้ว แต่ยังมีนิทานหิ่งห้อย ต้นชบากับคนตาบอด ผึ่งพุง นายไข่เจียว เที่ยวละไม และอื่นๆ อีกมากมาย
การเดินทางจึงสนุกสนานยิ่งขึ้น

คอนเสิร์ตของเฉลียง ที่ไม่ว่าจะมีสมาชิกกี่คน หรือผันเปลี่ยนเวียนหน้ากันไป ข้าพเจ้าก็ไม่เคยสัมผัสแม้วิดีทัศน์ แต่อย่างน้อยก็มีหลายคนที่ได้สัมผัส และซึมซับน้ำใจบนเฉลียงนั้น

เรื่องราวบนแผ่นไม้ คอนเสิร์ตของเฉลียง ที่ประกาศตัวไว้ว่าเป็นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของเฉลียง ที่แสดงให้ปรากฏแล้วว่าผู้คน "รัก" เฉลียงเพียงใด พี่ประภาสคนเบื้องหลังผู้ทระนง ก็ถึงกับยอมแพ้ความรักนั้นยอมขึ้นบนเวที เรียกความดีใจที่เคล้าด้วยน้ำตาให้กับแฟนๆ เฉลียง

ไม่กี่วันนี้เฉลียงจะกลับมาอีกครั้ง ตามคำเรียกร้อง ข้าพเจ้าคงไม่อาจได้สัมผัสอีก แต่ใครจะรู้ล่ะ... สักวัน คุณปู่เฉลียงอาจจะฟิตขึ้นมาจัด "เฉลียง - อยากจะร้องใครจะทำไม" อีกสักครั้งก็ได้ ใครจะไปรู้...
คราวนี้ล่ะ ข้าพเจ้าไม่พลาดแน่...

ปล. หวังว่าลุงๆ จะยังมีแรงร้องเพลงอยู่นะคะ ลูกๆ หลานๆ ยังรออยู่