วันจันทร์, ธันวาคม 1

๐๒๑ | ...ฟ้ายิ้ม...




.
.
.

หอบเย็นหอบยิ้ม

เยือนถิ่นเยี่ยมฐาน

หอบธรรมหอบทาน

ผ่านจิตผ่านใจ



ขอพระขอพร

ขอวอนขอไหว้

สุขเถิดสุขไทย

สว่างไสวสวัสดี

.
.
.


๑ ธันวา ๕๑

วันจันทร์, กันยายน 8

๐๒๐ | แด่คนช่างฝัน



คอนเสิร์ตแด่คนช่างฝัน จรัล มโนเพ็ชร

๓๐ ปี โฟล์คซองคำเมือง

"...เมื่อดอกไม้แย้มบานให้คนหาญสู้ไม่หวั่น
คือรางวัลแด่ความฝันอันยิ่งใหญ่...ให้เธอ..."


รวมหัวใจสร้างสรรค์ของศิลปินร่วมสมัย
กับบทเพลงแห่งแรงบันดาลใจจาก จรัล มโนเพ็ชร
สุนทรี เวชานนท์, ลานนา คัมมินส์, สุรชัย จันทิมาธร,มงคล อุทก,
ชาตรี คงสุวรรณ,พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์, ศุ บุญเลี้ยง, ป๊อด โมเดิร์นด๊อก,
ฟอร์ด สบชัย, บี๋ คณาคำ, อุเทน พรหมมินทร์, อะแค็ปเปล่า ๗,
ธีร์ ไชยเดช, พยัต ภูวิชัย, พี่น้องมโนเพ็ชร, ไตรศุลี มโนเพ็ชร,
กวีรับเชิญ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์


สถานที่แสดง หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)
ที่ตั้งสถานที่ ถนนพระจันทร์ พระนคร
รอบการแสดง
วันแสดง
เวลาแสดง
วันเสาร์ที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๑
๑๘.๐๐ น.
ปล. ขออนุญาติ ประเดี๋ยวจะไม่ทันการณ์
ขอบคุณข้อมูลจากไทยทิกเก็ต และเว็บคุณจรัล มโนเพ็ชร

วันอังคาร, สิงหาคม 12

๐๑๙ | ไปทะเลเจอหมึก ไปสภาเจอหมัก

ไปเจอ หมักกินเหลิม ที่บล็อก wesong ของ คุณเส่ง ทรงวิทย์ สี่กิติกุล (ผู้เขียนหนังสือโลกของเรา ฯลฯ)
ขอยาดมัดมือชกเอามาแปะในบล็อกเลยค่ะ

จริงๆ ว่าจะเอามาโพสต์ตั้งนานแล้ว แต่ก็ว่าจะๆ อยู่นั่นแหละ
วันนี้พอมีเวลาเลยเอามาแปะไว้เป็นที่ระทึกอีกสักครั้ง





Octopus Eats Shark
Uploaded by stevanhogg

ปล. ต่อจากนี้เราก็ไม่เจอฉลามในสภา เอ้ย ทะเล แล้วสิ อืมมมมห์

วันอาทิตย์, มิถุนายน 15

๐๑๘ | เที่ยวเมืองบุญชู


ขอบคุณภาพจาก เว็บตลาดสามชุก

"การบ้าน" ไม้เบื่อไม้เมาสำหรับนักเรียนทั่วเขตคามสยามประเทศ
แต่จะเบื่อแค่ไหน จะไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะมันแลกมาด้วยความอยู่รอด ทั้งในสถานะนักเรียน และสถานะนักลูก

เมื่อสี่ซ้าห้าอาทิตย์ก่อนนู้น ข้าพเจ้าไปเยี่ยมตาบุญชูที่สุพรรณ
อ๋อเปล่า ไม่เจอเขาหรอก เจอแต่หอคอยอยู่ลิบๆ
และก็เป็นธรรมดาโลก เมื่อกลับมาเข้าวิถีประจำวันตามปกติ ก็ต้องเขียนบทความสั้นๆ
ส่งจานวิชาภาษาปะกิตเพื่อแลกกับความอยู่รอดอย่างที่กล่าวมาข้าง ต้น

ดังนั้น ข้่าพเจ้าจึงขออัญเชิญบทความอันนั้นมาประดับบล็อก
(อันที่จริงเป็นข้ออ้างเพื่อจะอัพบล็อกน่ะ )


Last weekend, my family and I went to Suphanburi to take my mom back home. So, that was a fortunate time for a trip! I would like to tell you some specials.

We went to 'Sam Chuk', the Thai market that still conserved the old atmosphere such as the classical Thai dessert, classical toys and daily utensils. We visited Khun Jumnongjenarak Museum that has a lot of ancient things and they have been conserved them very well. The special thing is all of these have been, and are being managed by the local people!!

So, if you have a chance to Suphanburi, don't forget to go to Sam Chuk market, "Living market Living museum"

อย่างที่บอก ทริปนี้ประทับใจมาก แม้จะเที่ยวแค่ครึ่งวัน
แต่ตลาดสามชุกมี "อะไร" มากกว่าที่คิด
มองดูเป็นตลาดที่ไม่ได้อนุรักษ์แบบไทยจ๋า
แต่เป็นตลาดประยุกต์ถูกใจแม่บ้านยุคใหม่ ที่ยังมีกลิ่นอายไทยจางๆ แบบชาวบ้าน
สถานที่นี่ของเดิมอนุรักษ์ไว้เกือบหมด

แตวัน ที่ไป แดดร้อนมาก ละลายไขมันไปหลายแคลอรี่เลยทีเดียว
แต่เราไม่หวั่นอยู่แล้ว เพราะหายสิบเราเติมร้อย
ขนมเอย ของกินเอย เรียงรายยั่วไกลโคเจนเหลือเกิน
& lt;br>กลับจากตลาดสามชุกก็แวะบ้านควาย ที่มีควายไม่กี่ตัว
แต่มีหงส์ ห่าน หมี นก กระแต และหมา เต็มไปหมด
บรรยากาศดี น่านอนมาก ระวังจะหลับไม่รู้ตัว


จึงเรียนมาเพื่อทราบ
และโปรดกรุณาอนุมัติงบประมาณ

วันเสาร์, พฤษภาคม 17

๐๑๗ | คนดนตรี

prapas
ประภาส ชลศรานนท์ ชื่อนี้คุณรู้จักไหม
แต่ถ้าบอกว่าเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ผู้แต่งเพลงส่วนใหญ่ของเฉลียงล่ะ... ไม่รู้จักใช่ไหม
เป็นผู้คุยคอลัมน์ "คุยกับประภาส" ในมติชนวันอาทิตย์ล่ะ... ไม่รู้จักใช่ไหม
เป็นดูโอกับคุณปัญญา เป็นมันสมองของเวิร์คพอยท์ เป็นผู้ให้กำเนิดแฟนพันธุ์แท้ เกมทศกัณฐ์ คุณพระช่วยล่ะ...

คุณต้องเคยผ่านหูผ่านตาสิ่งเหล่านี้มาอย่างใดอย่างหนึ่งแน่ๆ

นั่นล่ะ ผลงานเขาทั้งหมดล่ะ
ตาลุงคนนี้ต้องมีของดีอะไรในตัวแน่

ถ้าจะบรรยายสรรพคุณของคุณประภาส หรือลุงจิกนี่ข้าพเจ้าเองก็อธิบายไม่ถูก
รู้แต่ว่าเขาเป็นคนคิดดี คิดเก่ง และคิดแปลก (ลุงจิกเคยบอกว่าเขาไม่ได้คิดแปลก คิดนอกกรอบ แต่เขาว่ากรอบของเขากว้างจนวิ่งเล่นได้ต่างหาก - เจ๋งป่ะล่ะ)

อันที่จริง ข้าพเจ้าเองฟังเฉลียงก็เกือบเท่าอายุ
จนเกือบจะบอกได้ว่าเฉลียงมีอิทธิพลกับความคิดของข้าพเจ้าสูงอยู่
แต่เพิ่งมารู้ไม่กี่ปีนี่เองว่าอิทธิพลนั่นมาจากลุงคนนี้เอง

ในขณะที่เพลงทั่วไปของยุคนั้น รวมถึงยุคนี้ และยุคไหนๆ
ต่างก็ขายแต่เรื่องความรักแบบฉันรักเธอเธอรักฉัน เธอไม่รักฉัน เราจบกัน ฉันเสียใจ
แต่เฉลียงกลับพูดถึงจิตใจ ความอบอุ่น เด็ก ดนตรี ต้นไม้ใบหญ้า ไปจนถึงน้ำแข็งขั้วโลก!
ลุงจิกสามารถใช้ถ้อยคำง่ายๆ ที่แม้แต่เด็กยังเข้าใจสื่อถึงเรื่องยิ่งใหญ่ได้
เพลงของเฉลียง ถ้าฟังด้วยวัยต่าง ประสบการณ์ต่าง ก็จะรู้สึกและคิดเห็นต่างกัน
นิทานหิ่งห้อย พ่อกล่อมลูก กล้วยไข่ นั่นปะไรเล่า

ตัวหนังสือของลุงจิกมีเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็นเพลง กลอน หรือบทความ
คุยกับประภาส จุดประกายให้ข้าพเจ้าหลายอย่าง
ตัวหนังสือของเขา่นุ่มนวลเหมือนมานั่งคุยกันอย่างเพื่อน เหมือนเล่านิทาน
บางครั้งก็พาออกทะเลเรื่อยเปื่อย แต่การออกทะเลนั้นมีนัยแฝงอยู่
ตัวหนังสือเขาไม่ชี้นำ นั่นนก นี่ไม้ แต่ชวนให้ขบคิด
ว่าแท้จริงแล้วมันเป็นอย่างไรกันแน่ ทำไมจึงเป็นนก หรือจริงๆ นกก็ไม่มี
บางคนบอกว่าตัวหนังสือลุงจิก บางทีก็เป็นดอกไม้ บางทีก็เป็นไม้หน้าสาม ตีแสกหน้าเอาได้ง่ายๆ เหมือนกัน


บอกแล้วว่าตาลุงคนนี้มีของดีในตัว
ของดีของเขาคงเป็น "ความขี้สงสัย" และ "ความช่างคิด" กระมัง


prapas

คอนเสิร์ต “ เพลงแบบประภาส ”


รายชื่อศิลปิน อาทิ : เบน ชลาทิศ, โจอี้บอย, สามโทน, เจนนิเฟอร์ คิ้ม, ปาน ธนพร,
บี เครสเซนโด้, เฉลียง ฯลฯ

รายชื่อเพลง อาทิ : เพราะอะไร, นิทานหิ่งห้อย, ฟั่นเฟือน, ลมหายใจของกันและกัน, เสือ,ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน, ต้นชบากับคนตาบอด, อิฐก้อนหนึ่ง, เจ้าภาพจงเจริญ, คนดนตรี, นิทานหิ่งห้อย, พี่ชายที่แสนดี, ขบวนการโป๊งโป๊งชึ่ง ฯลฯ

จัดแสดง : วันศุกร์ที่ ๔ - วันอาทิตย์ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๑
เวลา ๑๙:๐๐ น.

สถานที่ : ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

จำหน่ายบัตร : วันศุกร์ที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑ (๑๐:๐๐ น.) ถึง วันเสาร์ที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๑



ปล. จะว่าไป ที่เล่ามานี่ไม่เห็นจะเกี่ยวกับหัวข้อบล็อกวันนี้ซักกะติ๊ด
เอาเป็นว่า ประชาสัมพันธ์เพลงโดยคุณประภาสที่เหล่าศิลปินต่างๆ จะมาร้องให้ฟังในคอนเสิร์ต "เพลงแบบประภาส" ซื้อบัตรได้ที่ไทยทิกเก็ตนะจ๊ะ

ปฬ. และแล้วในที่สุด ข้าพเจ้าก็มีเรื่องอัพบล็อกจนได้
ทีแรกกะจะอัพภาคต่อของเพราะชีวะคือชีวิต แต่ดันนึกไม่ออกว่าจะถ่ายทอดยังไงดี
ขอเวลาไปเรียบเรียงเรื่องราวก่อนนะจ๊ะ

//ไอ้ตัวอักษรตรวจสอบนี่มันพิมพ์ยากจริงวุ้ย
//แถมจ้ะ

ดาวน์โหลด
เพลง .. เขียนให้เธอ
>
โดย : ประภาส ชลศรานนท์
(ต้นฉบับที่เว็บ ประภาส.คอม)


วันอาทิตย์, เมษายน 6

๐๑๖ | เพราะชีวะคือชีวิต

รวมมิตรทีเซอร์ประกอบการเข้าค่าย (กดดูภาพใหญ่คับโลกได้นะคะ)
รูปที่เหลือดูได้ี่ที่ ภาค ๑ | ภาค ๒ | รวมมิตรทีเซอร์

เพิ่งกลับมาจากค่ายสอวน. (ย่อมาจากอะไรดูที่ปล.เน้อ ตอนนี้ยังจำไม่ได้เลย)
ที่เข้าคราวนี้เป็นค่ายชีวะ ปีที่แล้วเป็นค่ายเคมี เข้าที่มหา'ลัยศิลปากร ทับแก้ว
ก็ถือได้ว่ามีชีวิตที่ทับแก้วมาได้สี่ปิดเทอมแล้ว แม้จะเป็นมหาลัยที่ไม่ใหญ่โต แต่ร่มรื่นน่าอยู่ทั้งกายและใจ

วิถีชาวค่ายวันหนึ่งๆ ไม่มีอะไรมาก ตื่นเช้า ข้าวเช้า เรียน เบรกเช้า
เรียน ข้าวเที่ยง ทำแล็บ เบรกบ่าย ทำแล็บ ข้าวเย็น กลับหอ ข้าวดึกฮี่ๆ

แต่ละวันมีแต่กินกับเรียน (อยู่ดีกินดี น้ำหนักขึ้นกันเป็นแถบๆ)
แต่ชาวค่ายก็รื่นเริงกันเหลือเกิน แทบจะเรียกได้ว่ารื่นเริงผิดมนุษย์
ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากในชีวิตอีกประสบการณ์หนึ่ง โดยเฉพาะกับเด็กบ้านนอก
ครั้งหนึ่งในชีวิตได้มีโอกาสเข้าไปแตะๆ เครื่องมือแพงๆ กับเขาบ้าง เอาไว้เก็บไปนอนดมที่หอ

ค่ายชีวะกับเคมีที่ได้เข้าไปนี่ ถึงแม้ว่ากิจกรรมประจำวันจะคล้ายๆ กัน แต่ก็แตกต่างกันในรายละเอียด ขอบันทึกเก็บไว้เฉพาะเรื่องแล็บก็แล้วกัน
พูดตรงๆ แล็บเคมีตื่นเต้นกว่าแล็บชีวะเหลือหลาย เอาสารโน่นใส่สารนี่แล้วระเบิดปุ้งปั้ง เกิดใส่ผิดขึ้นมาล่ะก๊าซไข่เน่าคลุ้งทั่วห้อง แทบจะเปิดพัดลมระบายอากาศกันไม่ทันกร๊าก

แต่สำหรับแล็บชีวะ เราต้องสำนึกอยู่ตลอดเวลาว่า สิ่งที่เรากำลังศึกษาอยู่คือ 'ชีวิต'
ทุกชีวิตไม่ว่าจะพืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์เล็กๆ ต่างมีพระคุณ เขาเป็นผู้สละชีวิตของเขาให้เรา 'มนุษย์' ศึกษา
จริงๆ แล้ว เขาอาจจะไม่เต็มใจหรอก แต่ไอ้มนุษย์เนี่ยแหละไปบังคับขืนใจ (ไม่ใช่ข่มขืนนะ) เอาเขามาควักดูไส้พุง

เพราะอย่างนั้นคำปลอบใจเดียวที่เรามีคือ เราเรียนเพื่อ 'รู้'
และที่สำคัญคือต้องนำความรู้ที่ได้รับ ไปใช้ใหเกิดประโยชน์มากที่สุด เพื่อจะทดแทนค่าชีวิตได้บ้าง
ไม่น่าแปลกใจเลยหากจะเห็นเด็กชีวะเดินขบวนกันใส่บาตรกันทุกวัน



ปล. สอวน. ย่อมาจาก มูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
(ไม่น่าแปลกใจเลยที่จำไม่ได้ฮือๆ~)

ชีวิตนี้เป็นหนี้พระองค์อย่างสูงไม่ว่าจะในฐานะประชาชนชาวไทย และฐานะนักเรียนในอุปถัมภ์โครงการ
ครั้งนี้ได้มีโอกาสไปกราบถวายสักการะพระศพที่วัดพระแก้ว ขอน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยค่ะไหว้
ผู้คนที่มาถวายสักการะพระศพนี้ แน่นอนว่าคนไทยจำนวนมากย่อมหาโอกาสสักครั้งไปถวายสักการะอยู่แล้ว แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือคนต่างชาติมากมายที่ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ เรียงแถวเข้าไปกันเป็นคณะทัวร์ (คณะทัวร์จริงๆ นะ ถือโอกาสมาวัดพระแก้วด้วยไง)

ปฬ. ดูเหมือนชีวิตจะน่าเบื่อนะ แต่ขอบอกว่าสนุกจริงๆ ตื่นเต้นมากๆ ที่เห็นตัวเองตั้งใจอ่านหนังสือขนาดนั้น
โดยปกติแล้วเป็นคนขี้เกียจอ่านหนังสือเรียนเหลือเชื่อ แต่ถ้าอย่างอื่นนี่ขอให้บอก ไม่มีพลาด
ชอบหอสมุดของทับแก้ว แต่ขัดหูขัดตากับป้าห้องสมุดฉิบ เออ ชอบเหี้ยอีกอย่างนึง เหี้ยจริงๆ เวลาว่ายน้ำนี่เท่มาก

ปฬอีกที. ขอบคุณอาจารย์และพี่ๆ สต๊าฟมากค่ะไหว้


----------------------------------------------------------------------------------------------------
// มาเพิ่มเติมนิดหน่อย คราวที่แล้วรีบมาก ไม่ได้ใส่รายละเอียดเลยแม้แต่น้อย

วันศุกร์, มีนาคม 14

๐๑๕ | เทศกาลชักว่าวว้าวว่าว

บันทึกวันนี้เป็นกระจู๋(ฮ่า งงละซี่ ทำไมเรียกกระจู๋) ที่โพสต์ไว้ใน ฟอนต์.คอม และด้วยเหตุผลที่ว่าด้วยความขี้เกียจ จึงคัดลอกมาแปะไว้ที่นี่ซะเลย รูปเยอะนะท่าน โหลดโหดเล็กน้อย


เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วเดินทางไปเพชรบุรี เปลี่ยนหอให้น้อง
ระหว่างทางเลยแวะเที่ยวงานเทศกาลว่าวฯ ที่ชะอำ
อันที่จริงจะไปเที่ยวงานว่าวนี่แหละ ย้ายหอถือเป็นข้างทางฮี่ๆ



วันนี้ที่ประจวบเลือกตั้งสท.พอดี ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ก็มีวี่แววว่าปัญหาเดิมๆ จะไม่เว้นแม้การเมืองท้องถิ่น
พอเลือกเสร็จก็ออกเดินทางมาพร้อมกับสายฝนง่ะ
แล้วว่าวที่ไหนจะไปขึ้นให้เอ็งดูฟะ

เมฆครึ้มมาก พานาฯ ป๊อกแป๊กถ่ายแล้วออกมาดำๆ มัวๆ แทบทุกรูป



โชคดี พอไปถึงฝนก็จะหยุดตกพอดี มีเมฆครึ้มๆ นิดหน่อย
แต่ที่โผล่มาคือพระอาทิตย์ยามสี่โมงที่แยงลูกกะตามากๆ



เทศกาลนี้จัดประจำทุกปี ส่วนมากจะจัดแถวหัวหิน เพชรบุรี แต่บางปีก็ไปจัดที่สนามหลวงเหมือนกัน
มีว่าวมาโชว์ทั้งหมด ๑๕ ชาติ แต่ถ่ายมาได้ไม่กี่ชาติแถมเบลออีกตะหาก
ว่าวฟีนิกซ์ที่เห็นเป็นว่าวจากจีน เต็นท์ข้างล่างเป็นเต็นท์ที่นักชักว่าวจากประเทศต่างๆ นั่งรอคิวโชว์ว่าวกัน




พอมาถึงเขากำลังจะเอาว่าวงูตัวเขียวๆ นี่ขึ้นพอดี
ซึ่งอนุมานได้ว่าว่าเป็นว่าวแห่งความร่วมมือของนานาประเทศอะไรงี้
ช่วงหัวขึ้นสวยงามมาก ตัวยาวสัก ๓-๔ สนามฟุตบอลได้

คนดูก็ช่วยกันลุ้น ปรากฏว่า...




ปรากฏว่าอีว่าวงูนั่นน่ะ หางไปพันกับต้นสะแกข้างสนาม ดับอนาถกลางอากาศ ซึ่งพออนุมานได้ว่า...
เราเลยเบนเข็มมาดูว่าวอื่นกันมั่ง

งานนี้เห็นว่าเป็นงานที่มีว่าวหมึกขึ้นไปลอยละล่องมากที่สุด มองไปทางไหนก็เห็น
ว่าวปลาก็มีให้เห็นสองตัว ว่าวประเทศอื่นที่ปล่อยให้โชว์เฉยๆ ก็มี
แต่สุดกำลังที่ซูม เลยไม่ได้ถ่ายมาให้ดูกัน
นี่ซูมเต็มที่ภาพแตกกระจุยเลย



ดูผู้ใหญ่แล้วเรามาดูเด็กชักว่าวกันบ้างเกย์ออก



งานนี้เด็กเยอะมากเลยค่ะ เหมาะเป็นวันครอบครัวโดยแท้
เห็นเด็กตะแง้วๆ จะเอาว่าว หันมาอีกทีพ่อแม่ก็ไปสอนลูกเล่นมันช่างสุขใจดีแท้อืมมมมห์





ในที่สุดฟ้าก็เปิด ว่าวที่เห็นเป็นว่าวดุ๊ยดุ่ยจากอุบลฯ
ลุงที่ปล่อยว่าวชื่อลุงเสือ เห็นโฆษกตะโกนแซวว่าลงทุนหอบว่าวมาจากอุบลเพื่องานนี้โดยเฉพาะ

ว่าวดุ๊ยดุ่ยนี่ขึ้นเร็วมากค่ะ กดชัตเตอร์รูปที่สามก็ขึ้นไปซะลิบแล้ว




ข้างบนเป็นว่าวควายของสตูลค่ะ สังเกตตรงตูดควายจะมีอะไรคล้ายๆ คันธนูติดอยู่
พอขึ้นไปโต้ลมบนท้องฟ้าจะมีเสียงแว้น~ แว๊น~ อยู่ตลอดเวลา

ข้างล่างจะเป็นวิน แคชเชอร์รูปขนนก สัญลักษณ์ของประเทศต่างๆ
สังเกตให้ดีจะมีสาธารณรัฐเอลาโยมาร่วมด้วยอืมมมมห์




ท้ายสุดก็มาเดินดูแผงข่ายของค่ะ
แน่นอนพระเอกต้องเป็นว่าวน้อยว่าวใหญ่สีแปร๊ดแสบตา
ได้มา 2 ตัว ต่อจาก 400 เหลือ 330 แล้วยังขอแถมโน่นนี่อีกจนคนขายทำหน้าแบบเอือม

แต่ระหว่างเดินๆ ว่าวตปท.ก็ยังขึ้นอยู่เรื่อยๆ ที่เห็นเป็นว่าวช้างจากไต้หวัน (ไต้หวันมีช้างด้วยเหรอ)
กับว่าวจากญี่ปุ่นที่ขึ้นมาพร้อมกับเสียงกลองออกศึกดังตุ้มๆๆๆ



นอกจากว่าวที่เป็นพระเอกแล้ว ของอื่นๆ ก็มีมาขายเหมือนกันนะ แต่เป็นพระรองๆ กันไป
แม่ตูติดใจไอ้ตะเกียงนี่มากเลยเนี่ย เกือบจะสอยมาอยู่แล้ว




รูปสุดท้ายนี่จะมาบอกว่าชอบป้ายบอกส้วมเขามากเลยค่ะ ชัดเจน เข้าใจ ใหญ่เป้ง
มีอีกอันที่ส้วมไม่ได้อยู่บนฟ้านะ แต่ชอบอันนี้มากกว่ากร๊าก


ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ
งานชักว่าวฯ นี่ชื่อเต็มๆ ว่าเทศกาลว่าวไทยและว่าวนานาชาติ ครั้งนี้จัดเป็นครั้งที่สิบ
ปกติจะมีประมาณต้นเดือนมีนา งานนี้เอามาโพสต์ช้า งานจบไปตั้งกะวันที่ 12 ขอโทษจริงๆ

อันนี้เป็นเว็บงานว่าวของปีที่แล้วค่ะ มีรูปว่าวให้ดูหลายรูป
อีอันนี้ไปตอนสี่โมงถ่ายย้อนแสงออกมาดำปึ้ดหมด เลยไม่ได้เอามาให้ดูกัน มีแต่ว่าวธรรมดาๆ

อันนี้ว่าวดับเทพที่โปรเค้าถ่ายกัน สวยยังกะจับวางโวย


ยะเฮ้ จบแล้วจ้ะ งานนี้ทิ้งไปนานไม่ได้เขียนเลย ด้วยว่าไปปั่นติดลมอยู่ที่เว็บฟร้อนข้างต้น
และจะต้องเดินทางไปพิชิตยอดเรา ณ มอศิลปากร ทับแก้ว และกรุงเต้บ สิริรวมระยะเวลา ๑ เดือนเต็มครึ่ง (เต็มยังไงวะ)
ช่างเถอะค่ะ เอาเป็นว่าคงจะไม่ได้เข้ามาอีกหลายเพลา


ปล. รูปเหล่านี้จัดเพจในโปรแกรมเล็กๆ แต่โคตรสุดยอดม็อดดี้โลกชื่อ Photoscape ค่ะ
อ่านรายละเอียดได้ในบล็อกพี่แอน ซึ่งแปลว่าขี้เกียจเขียนนั่นเองกร๊าก

ปฬ. วันนี้ไม่มีปฬ.

วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 15

๐๑๔ | ใครว่าสมัครดับเบิ้ลสแตนดาร์ด

ใครต่อใครที่สงสัยว่าท่านนายกของเรา จะมีวาจาที่เข้มแข็งแต่เพียงกับนักข่าวไทย
เราลองมาดูกันว่าท่าน "มั่น" อย่างไรในเวทีโลก

คลิปวิดีโอนี้ขออนุญาตขโมยมาจาก สถานีโทรทัศน์ออนไลน์แนวๆ ยี่ห้อ "ซูกิ ฟลิกซ์"
ว่างๆ ก็เชิญชิมนะคะ รับรองว่าอร่อยจริงๆ

ว่าไปก็เข้าเรื่องเสียที เชิญทัศนา...








ปล. หากยังคั่งค้างในอารมณ์ ขอเชิญที่ ซูกิฯ หรือ สำนักข่าวบอร์ริ่งเดย์
หรือ เขียนแผ่นดิน โดยลุงเปลว สีเงิน

วันอาทิตย์, กุมภาพันธ์ 10

๐๑๓ | เย้! จับตะหมูกได้แล้ว

เป็นที่ฮือฮาในสภากาแฟอยู่พักหนึ่ง เรื่องการใช้ภาษามือสื่อสารชื่อของนักการเมืองในสภา สิบกว่าวันหลังจากประชุมสภาครั้งที่ผ่านมา (๒๘ มกรา ๕๑) ความฮือฮาก็ซาลงไปบ้างแล้ว เลยขอเก็บมาวางไว้เป็นบันทึกน่ารักๆ สักเรื่องหนึ่ง

อันที่จริงก็สงสัยมานานแล้วว่าผู้ที่บกพร่องทางการได้ยิน หรือทางสายตาเขาสื่อสารคำใหม่ๆ ให้เข้าใจกันได้อย่างไร เพราะขนาดเราๆ ท่านๆ กว่าจะสื่อกันเข้าใจคำใหม่ที่เดี๋ยวนี้ผุดขึ้นมายังกะปลาเจอน้ำใหม่
อะไรวะ โบ? แอ๊บแบ๊ว? เด็กแว้น? สก๊อย?
สารพัดคำใหม่ กว่าจะสื่อสารกันเข้าใจก็เมื่อยปากกันไปข้างหนึ่ง บางทีถึงขนาดจะต่อยปากกันเลยก็มี เพราะสื่อสารไม่เข้าใจ

แล้วผู้ที่สื่อสารยากกว่าเราล่ะ เขาทำยังไงกัน จะให้มานั่งสะกดอยู่ทีละตัวก็ใช่ว่า พอสะกดเสร็จยังต้องมานั่งสะกดความหมายต่ออีกหรือ
วุ้ย โลกนี้มันช่างวุ่นวายเหลือเกิน

ก็นับว่าเหตุการณ์ฮือฮาครั้งนี้ได้ช่วยแก้ความสงสัยไปเปลาะหนึ่ง ว่าการสื่อถึงบุคคลที่สามในโลกของภาษามือเขาสื่อกันอย่างไร
อ้าว.. แล้วสก๊อยล่ะ ภาษามือสื่ออย่างไร ใครผ่านมาช่วยแถลงไขให้ข้าพเจ้าเข้าใจทีเถิด

ปล. ยังไม่เคยคุยกับพวกเขาจริงๆ จังๆ เลยแฮะ สงสัยต้องหาเพื่อนไว้สักคน

ปฬ. สนใจเพิ่มเติมคลิกที่เว็บมติชนเลยจ้ะ มีวิดีโอสาธิตภาษามือเรียกชื่อด้วย

hand_language
จากไฮไลต์เว็บ ฟ๐นต์ โดย พี่แอน
หยิบมาโดยไม่บอกไม่กล่าว

วันพุธ, มกราคม 16

๐๑๒ | สมเด็จแก้วกัลยาแห่งสยาม

เพลง : ดอกแก้วกัลยา
ศิลปิน :
อธิศรี สงเคราะห์
คำ
ร้อง/ทำนอง : ประภาส ชลศรานนท์

แก้วกัลยา ทรงคุณค่าเหนือจิตใจ
คือดอกไม้แห่งความรัก และการแบ่งปัน
องค์พระพี่นาง พระราชทานเป็นมิ่งขวัญ
ให้ผองผู้พิการ ไทยทั้งปวง

* ดอกไม้ฟ้า แห่งกรุณา ประทานลงมาแสนชื่นใจ
ดั่งดอกไม้จากเทวาลัยจากแดนสรวง
ดอกไม้ฟ้า แก้วกัลยา แทนใจทั้งดวง
แทนความรัก ความเป็นห่วง ความชื่นชม

ขาดแขนขา หรือดวงตามองไม่เห็น
ใช่จะลำเค็ญ ใช่จะทุกข์หรือตรอมตรม
ยังมีหัวใจ สู้ต่อไปอย่างสุขสม
คือชีวิตที่ชื่นชมโลกงดงาม

( ซ้ำ * , * )



ดอกแก้วกัลยา เป็นดอกไม้ประดิษฐ์ที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม เพื่อเป็นดอกไม้แห่งสัญลักษณ์ของคนพิการทั่วประเทศ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่คนพิการ
ซึ่งดอกแก้วกัลยาประดิษฐ์ขึ้นเพื่อส่งเสริมอาชีพและพัฒนาคนพิการในศูนย์ส่งเสริมอาชีพ ของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์


ที่มาของดอกแก้วกัลยานั้นเป็นดอกไม้ในจินตนาการ มาจากดอกไม้ ๒ ชนิดด้วยกันคือ
“ดอกแก้ว” เป็นดอกไม้สีขาว มีกลิ่นหอม และ “ดอกแก้วเจ้าจอม” ที่มีกลีบดอกสีฟ้าคราม สวยสง่าแต่อ่อนหวาน ซึ่งดอกแก้วทั้ง ๒ ชนิดนี้เป็นดอกไม้ยืนต้นที่แข็งแรง ใบสวยงาม ออกดอกเป็นพวง ให้ความหมายเปรียบเทียบประดุจคนเราทุกคนมีน้ำใจเป็นหนึ่งเดียว


ความหมายโดยรวมของดอกแก้วกัลยานั้นคือ ดอกไม้จากนางแก้ว ที่มีน้ำพระหฤทัยสดใส ให้แสงสว่างอบอุ่นกับมวลหมู่คนพิการในแผ่นดินไทย ดั่งน้ำพระหฤทัยจากองค์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

คุณสุริยัน อริยวงศ์โสภณ ประธานกรรมการโครงการดอกแก้วกัลยา


๒ พฤษภา ๒๕๔๙ อาจิก ประภาส ชลศรานนท์ ประพันธ์เพลงดอกแก้วกัลยา ทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เนื่องในวโรกาสคล้ายวันประสูติ เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๔๙ ... เผยแพร่ครั้งแรกในรายการคุณพระช่วย ตอนพิเศษ ขับร้องโดยคุณอธิศรี สงเคราะห์ ผู้พิการทางสายตา เพื่อตอบแทนพระกรุณาธิคุณของล้นเกล้าฯ ที่มีต่อปวงชนชาวไทย และผองผู้พิการทั้งปวง


ความรู้สึกแรกที่ได้ฟัง ขนลุกค่ะ เป็นเพลงที่สวยงาม งามในความรู้สึก งามในคำร้อง งามในท่วงทำนอง งามในน้ำเสียง คุณอธิศรีถ่ายทอดเพลงนี้มาได้อย่างไม่มีที่ติ เป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ผู้พิการก็มีความสามารถไม่แพ้คนปกติเช่นกัน
..บอดก็เพียง สายตาเท่านั้น แต่จิตใจก็ยังผูกพันความงาม..

ข้าพเจ้าต้องขอยอมรับว่า เป็นการยากมากที่จะใช้เพียงถ้อยความเขียนบรรยายความรู้สึกที่มีต่อพระองค์ออกมาให้เหมือนกับความรู้สึกในอก
... ๒๕๕๐ เป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๘๐ พรรษาแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แทบทุกตารางนิ้วบนผืนแผ่นดินไทยเอ่อล้นไปด้วยความปลื้มปิติ และความจงรักภักดี แต่ใครจะคาดคิดเล่า ว่าเมื่อปีมหามงคลผ่านพ้นไป โศกอันยิ่งใหญ่จะมาเยือนปวงชน


สมเด็จพระพี่นางฯ... พระเชษฐภคินี พี่สาวที่แสนดีของพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองพระองค์ พระบรมฉายาลัษณ์ของราชสกุลมหิดลมากมายที่ประจักษ์แก่สายตาของข้าพเจ้า ยังความซาบซึ้ง และขอบังอาจเข้าใจในความรู้สึกของพี่สาว ที่มีต่อน้องชาย ของลูกสาวคนโตที่มีต่อครอบครัว พระพี่นางฯ ผู้ทรงเป็นเบื้องหลังความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของแผ่นดินไทย


สมเด็จพระพี่นางฯ... ครูของนักศึกษามากมาย หมอหลวงของชาวบ้าน นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่ นันบินผู้ทรงปรีชา องค์อุปถัมภ์ของผู้ยากไร้ และผู้พิการ รุ้งงามแห่งแผ่นดินสยาม
ณ วันนี้ แม้พระองค์จะเสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว แต่น้ำพระทัยอันเปี่มล้นของพระองค์จะสถิตอยู่ในใจของข้าพระองค์ตลอดไป

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

--------------------------------------------------------------------------





ขอขอบคุณ

วันอังคาร, มกราคม 8

๐๑๑ | หลักไทย



หลังจากหลังขดหลังแข็งกันมาเป็นหลายเดือน ในที่สุดเกมหลักไทย หรือ 'ตามรอยหลักไทยในสารานุกรมของพ่อหลวง' (ยาวฉิบ - -") ตามชื่อโครงงานก็เสร็จเรียบร้อย ส่งเรียบร้อย พรีเซ้นท์เรียบร้อย พร้อมเผยแพร่ในเร็ววันนี้ (รอไปเถอะ)

หลักไทย ตัวนี้เขียนด้วยเดลไฟ ๗ (Borland Delphi 7) เขียนกับโอม พีระพัฒน์ กับนิสา
หามรุ่งหามค่ำกันสุดๆ กว่าจะเสร็จ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ต้องแก้ไขอีกมากมาย ท่านใดที่กรุณาเสนอความคิดเห็นเป็นแนวพัฒนาให้เกมนี้จักเป็นพระคุณอย่างสูงลิ่ว