ร้างราจากการเขียนบล็อกไปนาน
วันนี้มีความทรงจำดีๆ จะมาแปะเก็บไว้ในบ้านหลังนี้สักหน่อย
คงจะเป็นบล็อกที่พร่ำเพ้อน่าดู เดี๋ยวเขียนเสร็จคอยดูว่าเพ้อขนาดไหน
------------------------------------------------------------------------------
ในโลกนี้จะมีคนสักกี่คนที่เพียงแค่อ่านตัวหนังสือของเขา
แล้วรู้สึกว่า ช่างเป็นตัวหนังสือที่น่าคบหาเสียจริง
หนึ่งในไม่กี่คนนั้นก็คือคนที่ฉันจะกล่าวถึงในวันนี้
"พี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง"
เริ่มยังกะเรียงความ
แต่ก่อนนี้ความรู้สึกถึงพี่จุ้ย (ก่อนนี้เคยเรียกอาจุ้ย แต่เรียกพี่ดีกว่า ดูหนุ่มดี)
เหมือนเรียงความจริงๆ เคยรู้มาว่าพี่ท่านเป็นศิลปินใจดี แต่ขี้รำคาญ
ก็เลยได้แต่ติดตามผลงานอยู่ห่างๆ อย่างเกร็งๆ
ชื่นชอบความคิด และชื่นชมสิ่งดีๆ ที่พี่จุ้ยมีให้ทุกคน
ฉันรู้จักคุณศุ บุญเลี้ยงจากเพียงเสียงเพลงและตัวหนังสือเท่านั้น
เคยฝัน หรืออาจจะหวัง ว่าอยากเจอคุณศุ บุญเลี้ยงสักครั้งหนึ่ง
แล้วก็คิดต่อไม่ถูกว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าได้เจอ
ขนาดคราวก่อนที่เจอพี่จิก ประภาส แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ยังพูดอะไรไม่ถูกเลย
คาดไม่ถึงว่า จะได้เจอศิลปินในดวงใจอีกคนแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวอีกเช่นกัน
เมื่อคืนสิ้นเดือนพฤศจิกา ที่คณะร่วมกันจัดงาน SIPI* Music Award ขึ้น
เป็นงานประกวดดนตรีเล็กๆ ที่เด็กปีหนึ่งคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
และคณะแพทยศาสตร์พระบรมราชชนก ศูนย์ราชบุรี ช่วยกันจัดขึ้น
ไปเตรียมงานตอนเย็น จริงๆ หน้าที่จะต้องอยู่โต๊ะลงทะเบียน แต่คนเยอะเกินไปแล้ว
ก็เลยเป็นฟรีแรดิคัล เตร่ไปเตร่มา โต๋เต๋ถ่ายรูปไปเรื่อย
จนไปป๊ะกับป้ายสามเหลี่ยมที่โต๊ะกรรมการเท่านั้นแล
เผ่นกลับห้องไปเอากล้องแทบไม่ทัน
พี่จุ้ยมาเป็นคณะกรรมการด้วยเว้ยยย!!!
ฉันรู้จักคุณศุ บุญเลี้ยงจากเพียงเสียงเพลงและตัวหนังสือเท่านั้น
เคยฝัน หรืออาจจะหวัง ว่าอยากเจอคุณศุ บุญเลี้ยงสักครั้งหนึ่ง
แล้วก็คิดต่อไม่ถูกว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าได้เจอ
ขนาดคราวก่อนที่เจอพี่จิก ประภาส แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ยังพูดอะไรไม่ถูกเลย
คาดไม่ถึงว่า จะได้เจอศิลปินในดวงใจอีกคนแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวอีกเช่นกัน
เมื่อคืนสิ้นเดือนพฤศจิกา ที่คณะร่วมกันจัดงาน SIPI* Music Award ขึ้น
เป็นงานประกวดดนตรีเล็กๆ ที่เด็กปีหนึ่งคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
และคณะแพทยศาสตร์พระบรมราชชนก ศูนย์ราชบุรี ช่วยกันจัดขึ้น
ไปเตรียมงานตอนเย็น จริงๆ หน้าที่จะต้องอยู่โต๊ะลงทะเบียน แต่คนเยอะเกินไปแล้ว
ก็เลยเป็นฟรีแรดิคัล เตร่ไปเตร่มา โต๋เต๋ถ่ายรูปไปเรื่อย
จนไปป๊ะกับป้ายสามเหลี่ยมที่โต๊ะกรรมการเท่านั้นแล
เผ่นกลับห้องไปเอากล้องแทบไม่ทัน
พี่จุ้ยมาเป็นคณะกรรมการด้วยเว้ยยย!!!
กลับมาอีกที กรรมการมากันครบแล้ว กรรมการอีกท่านหนึ่งคือ อ.กวีชาตย์ จันทร์แพงจากบดินทร์
'จารย์หูดีมาก กีต้าร์เพี้ยน กลองผิดจังหวะ นักร้องผิดคีย์ 'จารย์รู้หมด สุดยอดเลย
ส่วนพี่จุ้ยก็วิจารณ์ถึงพริกถึงขิง
จริงอย่างที่พี่จิกเคยเขียนบอก พี่จุ้ยเป็นคนช่างสังเกต และละเมียดละไมมากจริงๆ
ได้ฟัง ได้เก็บอะไรดีๆ จากที่พี่จุ้ยแนะนำวงที่มาเล่นมากมาย
ถึงแม้จะไม่คิดไปเหยงๆ อยู่บนเวทีกับเขาก็เถอะ
จนจบงานถึงได้ขอเข้าไปคุยกับพี่จุ้ย
พี่จุ้ยน่ารักมาก จากที่เคยจินตนาการไว้ต่างๆ นานา
พอได้คุยกันเท่านั้น มันละลายหายไปหมดเลย
ดีใจที่หยิบสมุดบันทึกติดมือไปด้วย จำได้ว่าเคยเขียนถึงของขวัญจากพี่สาวแดนพังงา
ที่ส่งซีดี กับผลงานพี่จุ้ยมาให้ตั้งนานแล้ว บังเอิญหรือไรไม่ทราบ
ฉันเว้นหน้ากระดาษหลังจากบันทึกนั้นไว้หน้าหนึ่งพอดี
เปิดหน้านั้นให้พี่จุ้ยเซ็นให้
แล้วเลยได้คุยกันถึงงานเพลง งานหนังสือที่ฉันหลงรัก
และยิ่งหัวปักหัวปำเมื่อเจอตัวจริง เฮียอารมณ์ดี ใจดี คุยด้วยแล้วสบายใจดี
แล้วก็กลับหอมานอนฝันดี ถึงวันนี้หัวใจมันยังพองๆ อยู่เลยค่ะ
ขอบคุณทั้งฝันและไฟ จากพี่ชายผู้ไฟฝันไม่เคยมอดคนนี้
เพราะพี่จุ้ยยังไม่หยุดหว่านฝัน
จึงเกิดกล้าพันธุ์ขึ้นมากมาย
"...ยินดีที่ได้พบกัน ในบรรยากาศ
ที่มีดนตรีและเสียงเพลง
คงพบกันอีกในโอกาสอื่นๆ
ยกเว้น : ห้องไอซียู..."
ที่มีดนตรีและเสียงเพลง
คงพบกันอีกในโอกาสอื่นๆ
ยกเว้น : ห้องไอซียู..."
ศุ บุญเลี้ยง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น