วันพุธ, เมษายน 12

๐๐๒ : เรื่องหมาๆ




เมื่อเดือนตุลาที่ผ่านมา ผมเข้ากรุงไปเรียนพิเศษที่กรุงเต้บมหาน้าคอนน อามรรัตนโกสินทร์ มหินทรา อยุธยามหาดิลก ภพ นพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์ มหาสถาน อมรพิมาน อวตารสถิตย์ ศักกะทัตติยะวิศนุกรรมประสิทธิ์...เป็นครั้งแรกในชีวิต!
กิจวัตรประจำวัน
จันทร์ - เสาร์
-ตื่น
-อาบน้ำ
-ขึ้นรถเมล์
-เรียน
-กินข้าว
-เรียน
-เดินไปที่ทำงานน้า ( 1 สถานีรถบีทีเอส)
-กลับบ้าน
-ช่วยงานป้า
-นอน
อาทิตย์
-ตื่น (เที่ยง)
-ช่วยงานป้า
-นอน
วันๆ ก็แค่นี้แหละครับ แต่การมาเรียนนี่ ทำให้ผมได้สัมผัสกับความรู้สึกหนึ่งที่ไม่เคยได้เจอะเจอมาก่อน

นั่นคือ ความรู้สึกอยากไปโรงเรียนครับ

จริงครับ ผมไม่เคยรู้เลยว่า ไอ้ความรู้สึกอยากไปโรงเรียนนี่มันเป็นยังไง ไม่รู้ว่าการเรียนการรสอนในกรุงเทพเป็นยังไง
สนุกครับ การเรียนมันสนุกอะไรอย่างนี้ เฮ้ออ ถ้าที่โรงเรียนทำให้อยากมาโรงเรียนอย่างนี้ได้ก็ดีสิ นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมอยากมาเรียนในกรุงเทพ...

โป๊ก..
กู : อูย
กู : เมื่อไหร่มึงจะเข้าเรื่อง
กู : เดี๋ยวน่า เกือบแล้วๆ
กู : เร็วนามึง เปลืองมาหลายบรรทัดแล้ว

แล้ววันหนึ่ง (อยู่ตรงส่วนไหนของสัปดาห์วะ) (โป๊ก)
แม่ผมก็โทรมาบอกว่า ไอ้ลักกี้ (หมาไซด์โรดที่ผมให้ข้าวให้น้ำตั้งกะตัวเท่าฝาหอย) มันมุดเข้าไปคลอดลูกในบ้าน
(เห็นไหมกูเข้าเรื่องหมาแล้ว สัตว์)
เท่ากับว่าบ้านผม ต้องอุปการะน้องหมาน้อยๆ 3 ตัว อ้วนปี๋ สีขาวดำ (แม่ง ยังกะเครื่องถ่ายเอกสาร) ตัวเมียทั้ง 3 ตัว
พ่อผม ที่ปกติไม่ค่อยจะกินเส้นกะหมานัก ก็ซื้อข้าวซื้อน้ำ มาให้มันกินทุกวัน พอเห็นลูกหมามันกินไม่ได้ พ่อแกก็..เอ๊ย พ่อกูก็เอานมสดแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ตราไทยเดนมาร์ค (ที่ไว้ใช้เลี้ยงลูก) ไปเลี้ยงหมาซะฉิบ
ประคบประหงมยังกะได้ลูกสาวใหม่อีกสาม(ตัว)
พอจะเปิดเทอม ผมกลับบ้าน เห็นน้องหมาน่ารักสามตัว กินเพ็ดดีกรี! สัตว์หมาเอ๊ย กินดีกว่ากูอีก
ล่าสุด ผมเห็นพ่อไปนั่งคุยกะมันด้วยว่ะ (พัฒนาๆ)

พอมันเริ่มโต วิ่งได้ก็ตัดใจเอามันออกไปอยู่ข้างนอก ปิดช่องที่ประตูรั้วไม่ให้มันเข้ามาได้ เพราะว่าถ้าเกิดให้มันอยู่แบบหมาในวังต่อไปมันก็จะไม่โต หาเลี้ยงตัวเองไม่ได้ (โอว) เกิดพวกผมไม่อยู่บ้านขึ้นมามันก็ไม่มีอะไรกิน เพราะงั้นต้องฝึกให้หากินนอกบ้านให้เป็นบ้าง
มันร้องงื้ดๆ น่าสงสารชิบเป๋งเลยว่ะ (ตัวสีดำปี๋ย์ ทั้งตัว มีคนมาขอไปเลี้ยง ป่านนี้ไม่รู้ชะตากรรมเป็นไง เลยเหลือวิ่งตามผมอยู่ 2 ตัว)

ตอนนี้มันโตเป็นวัยรุ่นแล้ว ถ้าเป็นคนก็คงเป็นสาวเอ๊าะๆ วัย 10 ขวบ
พอผมขี่จกย. (จักรยาน อย่าควาย) ออกไปไหน ไม่ว่าจะไปซื้อของ หาป้า พ่อใช้ แม่เรียก แม้กระทั่งไปเที่ยว มันก็จะวิ่งตามตลอด โดยเฉพาะไอ้ตัวเล็ก ขามันเป๋หน่อยๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มันวิ่งตามไม่ค่อยทัน แต่ก็พยายามวิ่ง ตัวอื่นมันกลับบ้านไปหมดแล้ว ผมก็นึกว่ามันกลับไปด้วย ปรากฏว่าผมแวะเติมลมที่ร้านตาแป๊ะซ่อมจักรยาน มันก็วิ่งถลาผ่านหน้าผมไปเลยว่ะ
แล้วมันก็ได้ยินเสียงผมวิ่งกลับมาเห่าบ๊อกๆ อยู่ข้างๆ เนี่ย เป็นหมาที่เหี้ยจริงๆ
ผมต้องขี่กลับไปส่งมันที่บ้านอีกอะ เอ๊า เอากะมัน
ปรากฏว่าระหว่างทาง มันมีหมาคุมซอยอีกซอยของหมู่บ้าน โดดออกมาไล่ฟัดกะไอ้ตัวเล็ก ผมเลยต้องเสี่ยงชีวิตขี่จักรยานฝ่ากลางวง พาไอ้ตัวเล็กกลับบ้าน
คราวนี้เลยปิ๊งขึ้นมา ขี่อ้อมไปอีกซอย พอมันตามมาถึงกลางซอยมันก็เลิกเพราะกลัวไอ้เจ้าถิ่น ก๊ากกก

เมื่อวันก่อนที่จารย์แมนเรียกผมไปช่วยงาน มันก็ไม่ตามแล้วครับ คงเห็นว่าตามไปก็เปล่าประโยชน์ เปลืองพลังงานเปล่า แต่ตัวแม่มันสิครับ วิ่งพรวดนำหน้าผมไปอีก อ้าวสัตว์ นำหน้ากูทำหอกไรวะ
มันวิ่งไปขย้ำลูกแมวครับ ลูกแมวตัวน้อย สั่นง่อกๆ อยู่ในปากมัน ผมก็รีบปั่นจักรยานไปคร่อมมันไว้ มึอนึงจับไอ้ลักกี้ อีกมือจับแฮนด์จักรยาน ถ้าปล่อยมันจะไปทับลูกแมว แล้วเอาเท้าเขี่ยๆ ให้มันวิ่งไป มันก็นอนสั่นง่อกๆ อยู่ยังงั้น จะให้ทำไงล่ะครับ ผมเลยกะว่า นึง ส่อง ซ้ำ ปล่อยมือไอ้ลักกี้แล้วคว้าแมวน้อยไว้
แต่ ผมพลาด คว้าแมวไว้ได้จริงแต่ไอ้กี้ก็โจนไปงับแมวอีก แมวในมือผมเนี่ยครับ แล้วเขี้ยวมัน เขี้ยวหมานะครับ เขี้ยวใหญ่ๆ เหลืองๆ สกปรกๆ อี๋ย์ย์ย์ งับกึกเข้านิ้วกลางงามๆ ผมเนี่ย เลือดโชกเลยครับ

แล้วไอ้หมาสัตว์ก็วิ่งสะบัดๆ ไปพร้อมกับซากลุกแมวเหมียว
ผมงี้โคตรสะเทือนใจ

กาลผ่านไปไม่นานนัก เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ไอ้ตัวลูกมัน ตัวใหญ่ ครับ โดนวางยาเบื่อ!!
ผมเดินเข้าไปหา มันก็นอนมอง พยายามจะลุกขึ้นมาแต่ก็ลุกไม่ไหว ได้แต่กระดิกหาง มันคงทรมานมาก แต่ผมก็ช่วยอะไรมันไม่ได้เลย
ตอนหัวค่ำ ผมเห็นมันลุกขึ้นมาเดินโซเซไปเอาปากจุ่มลงในหม้อน้ำ เหมือนมันร้อน ร้อนในร่างกายน่ะครับ ผมจะทำยังไงดี จะเอามันไปหาหมอที่ไหน
คืนนั้นผมนอน แล้วก็ตื่นขึ้นมาไม่เห็นมัน ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเคยเห็นแม่มันเคยมีอาการแบบนี้แล้วก็หาย คิดว่ามันก็คงหายเหมือนกัน แล้วต้องไปช่วยงานอาจารย์ ตอนเย็นกลับมาน้องชายบอกว่า มันตายแล้ว พ่อเอาไปทิ้งเมื่อเช้า ตัวเย็นแข็งไปหมด มันคงตายตั้งแต่ดึกแล้ว ตายโดยที่ผมไม่รู้ตัวเลย

จากนั้นมาผมก็เพิ่มความเอาใจใส่แม่มันกับไอ้ตัวเล็กขึ้นอีก

จนกระทั่งเมื่อวานซืน ตอนหัวค่ำ ผมเอาข้าวมาให้มันกิน เห็นมันหายไป เดินหาทั่วซอยก็ไม่เจอ คิดว่ามันคงจะออกไปเดินเที่ยว เคยเห็นมันเดินไปร้านข้าวต้มที่ถนนก็ไม่ได้คิดอะไร

เมื่อวานตอนเช้า มันวิ่งมาคลอเคลีย

ตอนบ่ายมันซึม นอนน้ำลายฟูมปาก อาการเดียวกันกับไอ้ตัวใหญ่ไม่มีผิด ผมกลัวครับ กลัวว่ามันจะตาย

แล้ววันนี้ มันก็ตาย...

มันถูกวางยา ...

มันเป็นลูกหมา...ตัวเล็กๆ...ขาเป๋...

คนเหี้ยกว่าเหี้ยในสภาที่ไหนทำมันได้ลงคอ

มนุษย์มักมองตนว่าเป็นผู้ประเสริฐ ดีกว่าเดรัจฉานทั้งปวงตรงที่สามารถควบคุมตนได้ หมากัดแมวเพราะมันไม่รู้ ไม่คิด แต่คนล่ะครับ คิดก่อนหรือเปล่าที่จะวางยา ถ้าไม่คิดก็คงเป็นเดรัจฉาน แต่ถ้าคิด มันเรียกสิ่งมีชีวิตที่ไร้ความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไร
ถ้าเป็นหมาใหญ่ขี้รำคาญ มันก็แค่เห่า แค่ขู่ วิ่งไล่ให้ออกไปห่างๆ อย่างมากก็ตั้งท่าจะกัด ลูกหมามันก็กลัววิ่งหนีไปแล้ว
แต่พวกที่ใช้วิธีตัดรำคาญหมาด้วยการวางยาเนี่ย มันเป็นวิธีของมนุษย์หรือครับ

ปล. ผมไม่ได้ร้องไห้
ปล. ผมไม่ได้เสียดาย
ปล. ผมแค่เสียใจกับคนที่เสียความเป็นมนุษย์ไปกับการทำบาป
ปล. ลักกี้มันหงอยไปเยอะครับ เห็นมันร้องงื้ดๆ หาลูกมันด้วย

ปล.

สพฺเพ สตฺตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อเวรา จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย
อพฺยาปชฺชา จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อนีฆา จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขีอตฺตานํ ปริหรนฺตุ จงมีความสุขกายสุขใจรักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด

ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอุทิศผล
กุศลนี้แผ่ไปให้ไพศาล
ถึงบิดามารดาครูอาจารย์
ทั้งวงศ์วานญาติมิตรสนิทกัน
ผู้เคยร่วมทำงานการทั้งหลาย
ขอให้มีส่วนได้ในกุศลผลของฉัน
ทั้งเจ้ากรรมนายเวรและเทวัน
ขอให้ท่านได้กุศลผลนี้เทอญ...

ไม่มีความคิดเห็น: