วันพุธ, เมษายน 12

๐๐๔ : จะดูรถม้าให้ไปลำปาง จะดูคล้องช้างให้ไปสุรินทร์

ตอนนี้ทั้งม้าทั้งช้างเป็นสัญลักษณ์ของทั้งลำปางแล้วก็สุรินทร์ไปแล้ว แต่จะยังมีอยู่หรือเปล่า ...ก็ไม่รู้ เพราะผมบ่ใจ้ คนเหนียนะเจ้า..

แต่ช่างเป็นๆ ตัวโตๆ ฝูงใหญ่ๆ มี ณ ที่นี้ ยางชุม..(รู้จักมั้ยครับ--ไม่รู้เหรอ) กุยบุรี..(รู้จักมั้ยครับ--ไม่รู้เหรอ) ประจวบ..(รู้จักมั้ยครับ--ไม่รู้เหรอ) ไทยแลนด์ (รู้จักมั้ยครับ--ไม่รู้เหรอ...........ไปตายซ้าาาาาา...(\"/)
เมื่อวันก่อน ผมไปเที่ยวเขื่อนยางชุม อุทยานแห่งชาติกุยบุรี กะว่าจะไปดูซ้าง หวังว่าคงจะไม่เหยียบขี้ซ้าง รู้จักบ่ ขี้ซ้างน่ะ

ตั้งแต่เกิดยังไม่เคยได้ไปถึงเลย เขื่อนยางชุมเนี่ย ที่ได้ฤกษ์ไปนี่เพราะคณะจากมหาวิทยาลัยเกษตรเค้าไปเลี้ยงรุ่นกันแล้วเลยเชิญชมรมจักรยานโรงพยาบาลประจวบไปแจมด้วย เห็นว่ามีแรลลี่กัน ขี่ไปดูช้าง หา RC กัน
คราวนี้ บังเอิญลูกของอาม่าผมเค้าดันเป็นพยาบาลอยู่รพ.ประจวบ เป็นหัวหน้าตึกด้วยนะเออจะบอกให้ แล้วลูกน้องแม่เค้าอยู่ชมรมจักรยาน รุ่นพี่ผมก็อยู่ ลูกพี่ลูกน้องผมก็อยู่ แต่พวกเราดันไม่ได้อยู่ (ครอบครัวผม) แต่สะแหลนมีส่วนร่วมกะเค้าแทบทุกเรื่อง
น่านแหละ เหตุผลนานับประการที่พวกเราได้(เจือก) เข้าร่วมขบวนแรลลี่ในครั้งนี้

ไปถึงอุทยานฯ เกือบบ่ายสี่โมง ปรากฏว่าคณะจักรยานเค้าไปดูช้างกันแล้ว นั่งรถไป แล้วเอารถบรรทุกจักรยานไป กะว่าจะขี่กลับ พวกฟิตจัดก็ขี่ไปจากอุทยานฯ เลย ส่วนผมน่ะเหรอ นั่งรถตามไปซีครับ เรื่องไรจะเอาไขมันน้อยๆไปบริจาคให้กะจักรยาน ความจริงปกติก็ใช้จักรยานเป็นอาวุธหลักอยู่แล้ว แต่วันนี้ขี้เกียจซะงั้น ตามเค้าไม่ค่อยทันด้วยแหละ เลยไม่ไป ระยะทางเหรอครับ โอ๊ย จิ๊บๆ ไม่ต้องพูดถึง ไปกลับก็ สี่สิบฝ่าโลเอ๊ง T-T
ไปกลางทาง (ลูกรังแดงๆ) ฝนตก (กลายเป็นลำธารส้มๆ) แล้วไหงทางน้ำเสือกมาอยู่ตรงทางรถซะอีก เออเอากะมัน ดูๆไปความจริงแล้วถนนมันอยู่สูงกว่าข้างทางตั้งเยอะนะเออ แต่ไหงน้ำมันทะลึ่งปืนขึ้นมาบนถนนซะล่ะ งงจริงๆ เลยตู

เกือบถึงแล้ว เอ๊ะ รถวิ่งสวนมา บอก ทางลื่น ผมกลับล่ะ (ไกด์บอกว่าพวกนั้นเป็นคณะปลูกป่า อีกนิดๆ ทางมันไปได้)

เกือบๆ จะถึงแล้ว เอ๊ะ รถวิ่งสวนมาอีกคัน บอก ผมกลับล่ะ กลัวตกร่อง เคยเห็นมั้ยครับ ถนนลูกรังตามบ้านนอก เวลาฝนตกมันจะเซาะถนนเป็นร่อง แต่ละร่องเป้งๆ ทั้งนั้น ถ้าตกไปก็มีสิทธิ์เอาไม่ขึ้น โดยเฉพาะรถผม ไม่ใช่โฟร์วิลล์ด้วย ตายหองแหงๆ

เกือบๆๆ จะถึงแล้ว นั่นอะไร เอ๊ะ นั่นอะไร ผักสดใช่มั้ย แหมน่าอร่อยจริงๆ อุ๊ยกุ้งตัวใหญ่..... โป๊ก สาดดด..... ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่กุ้ง แต่เป็นรถ! รถกระบะ! โฟร์วิลล์ด้วย! กรรมๆๆ นี่ถ้าเกิดเป็นรถผมล่ะครับ คณะจักรยานส่วนใหญ่สมัครใจกันเดินฝ่าฝนไปดูช้าง หนุ่มๆ ที่เหลือช่วยกันขนหินมาถม อัด ยัด ล้อรถให้มันขึ้นจากหลุมได้ แต่ไม่สำเร็จครับ

เกือบๆๆๆ จะถึงแล้วจริงๆ ครับ ไกด์บอกว่าอีก 2 กิโลเองพี่ แหมเฮ้ย แล้วกูจะไปยังไง๊ ไอ้ข้างหน้าโฟร์วิลล์มันยังติดเลย ไกด์เลยบอกมันมีอีกทาง ไม่ลื่น แต่ต้องอ้อมเขาไป ดูนาฬิกาแล้วพ่อผมตัดใจไม่ไปไว้โอกาสหน้าดีกว่า เกิดไปขึ้นมาขากลับอาจต้องนอนกับช้างแล้วจะยุ่ง เลยเบนเข็มมาดูตะวันตกน้ำกันแทน


มุมแรกของเขื่อน เกิดอยากเท่เอาหินมาประกอบให้มองติสต์ๆ หน่อย แต่หินมันต่ำ ถ่ายหน้าเกือบทิ่มขี้หมา




น้องชายครับ ตัวบักเอ้ก เดี๋ยวนี้ไม่กล้าต่อยกะมัน ต้องหาเรื่องเลี่ยง เดี๋ยวมันชนะแล้วเสียการปกครอง




มองน้องชายด้วยความอยากกิน เห็นมันยืนมองอยู่นานแล้วเลยถ่ายมา




กิจกรรมยามว่าง? หรือชีวิตลำเค็ญ?




ท่าจะยังไม่ได้




สันเขื่อน (ถ่ายทำเท่ยังงั้นแหละ)




จะตกแล้วๆ




...




มีหมอกด้วย!




คิดว่าสวยสุดแล้ว (เหรอ)




ร้าน “ครัวหาดขาม” ว่างๆ แวะไปกินนะครับ อร่อยโคตร อย่าลืมสั่งปลาสามรส(ปลานิล) ตัวยังกะปลาบึกน้อย



กินลมชมวิว กระต๊อบบนต้นไม้ (ระวังร่วงนะเออ)




เมื่อกี้ไม่ได้ปรับความเร็วจ้ะ เลยมืดไปนิด
อันนี้พระอาทิตย์เชยๆ (หลังเขา)



ปล. ความจริงเขื่อนยางชุมนี่ ไกด์เขาบอกว่าจะต้องใหญ่กว่านี้ ตามที่ในหลวงท่านมีพระราชดำริไว้ แต่วิศวกรมันลดงบ (รึกิน) ลดสันลงมาเยอะ พอจะเสริมสันก็ไม่ได้เพราะพอมีเขื่อนปุ๊บ ชุมชนแม่งก็ตามมาปั๊บ ถ้าสร้างตามขนาดเดิมชุมชนแถวนี้จะไม่เกิด แล้วจะกลายเป็นเขื่อนทั้งหมด เก็บน้ำได้มหาศาล แล้วพวกมึง (ใครไม่เกี่ยวถอยไป) ก็ไม่ต้องมาแง้วๆ ว่าไม่มีน้ำรดต้นไม้

ปล. สรุปก็ไม่ได้ไปดูช้าง วันรุ่งขึ้นกะว่าจะไปดูว่าวก็ไม่ได้ไป ว่าจะอ่านหนังสือก็ไม่ได้อ่าน (ความจริงอ่านไปติ๊ดนึงอ่ะ แต่ขี้เกียจซะก่อนเลยไม่ได้อ่าน)

ปล. พูดถึงเรื่องขี้เกียจ ใครเพื่อนกูเข้ามาอ่าน ขอบอกไว้หน่อย พอกูตั้งใจจะทำงานพวกมึงไม่ต้องมาทักนะว่าขยันจริง ไม่งั้นตัวขี้เกียจจะครอบงำกู แล้วกูจะเลิกเอาดื้อๆ ประกาศไว้ให้ทราบทั่วกันแล้วนะครับ

1 ความคิดเห็น:

yawaiam กล่าวว่า...

ถ้าไม่ใช่เพื่อนนี่ชมได้ไหมล่ะว่า...ขยันจริง...น่ะ